คู่มือการตั้งค่า Router Mode ( เปลี่ยน Port LAN 4 ให้เป็น WAN )



Wireless ADSL2/2+ Modem Router Multi-Function


** เนื้อหา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับ Firmware ทุกเวอร์ชั่นของ D1201, DH301, D301, D302 และ W300D V.6 **



1. เกริ่นนำและการประยุกต์ใช้


     โหมด Router Wireless Mode ใน D1201, DH301, D301, D302 และ W300D V.6  นั้นจะเป็นการ เปลี่ยน Port LAN ให้เป็น WAN สำหรับใช้งานร่วมกับ Bridge Modem หรือ Router,Cable Modem,IPStar,G.SHDSL, ONU Fiber Optic, CPE หรือ Switch เป็นต้น โดยการเซตโหมดนี้ โดยมากแล้ว จะสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการให้ ตัว W300D V6, D301, D302, D151 และ D152 ทำหน้าที่เป็นตัวจัดการ เช่นอาจจะใช้กับอุปกรณ์ ต้นทางที่เซตเป็น Bridge Mode เพื่อทำ Forward Port อุปกรณ์ กล้อง IP Camera, DVR, NVR หรือ Remote Access เป็นต้น


รูปตัวอย่างแสดงการเชื่อมต่อ D1201, DH301, D301, D302 และ W300D V.6 เซตเป็น Router Wireless โหมดครับ

     โหมด Router Wireless ยังใช้สำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการรับสัญญาณ Internet จาก LAN แล้วกระจายสัญญาณเป็น Wireless ได้เช่นกันครับ เหมือน Access Point โหมด แต่สำหรับ Home User นั้น อาจจะไม่เหมาะครับ เพราะการเซตจะยุ่งยาก และ ซับซ้อนกว่าการเซต Access Point โหมดครับ แต่ถ้าเซตจริง ๆ ก็ไม่ยากเท่าไหร่ครับ  โดยมากแล้ว ฟังก์ชั่น Router Wireless Mode นั้นมักจะเป็นโหมดที่ ผู้ใช้ ระบุมาชัดเจนว่า ต้องการโหมดที่รับเป็น WAN ครับ เพราะผู้ใช้มีความต้องการและทราบหน้าที่ของโหมดตรงนี้อยู่แล้วด้วย ส่วนวิธีการเซตตั้งค่า ก็มีรายละเอียดดังนี้

2. เริ่มต้นการตั้งค่าเปลี่ยนโหมด LAN เป็น WAN

     2.1. สำหรับ WAN พอร์ตที่จะเปลี่ยนจาก LAN นั้น จะได้เฉพาะการเปลี่ยน LAN พอร์ต 4 หรือ พอร์ต 1 (ขึ้นอยู่กับตัวอุปกรณ์) ครับที่สามารถเปลี่ยนเป็น WAN ได้



     2.2. เปิด Browser อาทิ Internet Explorer, Firefox หรือ Google Chorme แล้วพิมพ์ IP Address ของ  Modem Router คือ 192.168.1.1 ตรงช่อง Address Bar ของ Browser แล้วกดปุ่ม Go หรือ กดปุ่ม Enter ดังรูป


     2.3. จะติดหน้า Login ให้พิมพ์ Username = admin และ Password = admin แล้วกดปุ่ม Login ครับ เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าหน้าแรก Quick Setup ถ้าพิมพ์ Username กับ Password ถูกแล้ว แต่เข้าไม่ได้ ก็ให้ลองเปลี่ยน Browser ดูครับ



   2.4. ในหน้าแรก Quick Setup นั้น ให้กรอกตั้งค่าในส่วนของ Internet เป็นค่าอะไรก็ได้ไม่ต้องตรงความเป็นจริงครับ ขอแค่กรอกให้ครบขั้นตอน จากนั้นก็ตั้งค่าในส่วนของ Wireless Setup ให้เรียบร้อย แล้วกดปุ่ม OK จะวิ่งไปหน้า Advanced อัตโนมัติ




    Note : กรณีที่ กดปุ่ม OK ในหน้าแรก Quick Setup แล้ว Web UIไม่ยอมวิ่งเข้าหน้า Advanced อัตโนมัติ ให้ กดปุ่ม Advanced เอง ตามรูป




     2.5. ในหน้า Advanced ให้คลิกที่เมนูหลักด้านซ้ายมือ Advanced Setup ( 1 ) > Layer2 Interface ( 2 ) > ETH Interface ( 3 ) เพื่อเข้าสู่หน้าของการสร้าง หรือกำหนด LAN เป็น WAN Port โดยให้กดปุ่ม Add ( 4 ) ดังรูป




     2.6. ระบบจะทำการเลือกกำหนด Port LAN eth3 ให้อัตโนมัติครับ ซึ่ง eth3 = LAN 4 ครับ ก็ไม่ต้องทำอะไร ให้กดปุ่ม Apply/Save




     2.7. หลังจาก Apply/Save แล้ว ระบบก็จะทำการสร้างเงื่อนไขของ Port WAN ขึ้นมาแสดงในตารางดังรูปครับ




     2.8. จากนั้น ให้คลิกที่เมนูด้านซ้ายมือ WAN Service ( 6 ) เพื่อเข้ามาหน้าการตั้งค่า WAN Mode โดยในส่วนนี้จะเป็นการตั้งค่าว่าจะให้ WAN Mode ที่สร้างขึ้นมา เป็นโหมดอะไรครับ โดยกดปุ่ม Add ( 7 ) ดังรูป

     Note : กรณีเข้ามาหน้า WAN Service แล้ว มีเงื่อนไข Interface “ ppp0.1 “ ที่ถูกสร้างไว้อยู่แล้ว ตรงนี้ผู้ใช้จะลบ หรือไม่ก็ได้ครับ ไม่มีผลอะไร




     2.9. จะเข้าหน้าให้เลือก Interface ตรงนี้ ให้ลูกค้าเลือก Interface เป็น “ eth3/eth3 “ ดังรูป แล้ว กดปุ่ม Next ( 8 ) ครับ



     2.10. ต่อไป เป็นหน้าสำหรับตั้งค่าเพื่อกำหนดโหมดการเชื่อมต่อให้กับ WAN Port ที่สร้างขึ้นมาครับ โดยจะมีโหมดให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ แต่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งหมด 4 โหมด แต่ในเนื้อหาที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะเน้นโหมดหลัก ๆ อยู่ 2 โหลดคือ PPPoE และ IPoE ครับ
  • PPP over Ethernet ( PPPoE ) เป็นโหมดที่ทำงานร่วมกับ อุปกรณ์ Modem ต้นทางที่เซตไว้เป็น Bridge Mode
  • IP over Ethernet เป็นโหมดที่ทำงานร่วมกับ Router, Switch ต้นทางที่แจก Internet มาให้อยู่แล้ว เพื่อนำมาแชร์ Internet ต่อ
  • Bridging เป็นโหมดสำหรับเซตอุปกรณ์ให้ทำหน้าที่เป็น Bridge หรือ Access Point สำหรับกระจายสัญญาณ Wireless จากสาย LAN



3. กรณีที่ต้องการเซต WAN เป็น PPPoE สำหรับใช้ร่วมกับ Bridge Modem ( ต่อจากข้อ 2.10 )


     WAN เป็น PPPoE Mode นั้น โดยมากแล้ว จะเป็นโหมดที่ต้องการใช้งานร่วมกับ Bridge Modem หรืออุปกรณ์ ที่เซตโหมดเป็น Bridge เพื่อให้ตัว W300D V6, D301, D302, D151 และ D152 เป็นตัวสั่ง Connect Internet เอง และได้รับ WAN IP จากทาง ISP โดยตรง ซึ่งในบาง ISP เช่น CAT on Net จะมีบาง Package ที่อุปกรณ์ ONU มาเป็น Bridge ครับ ดังนั้น จำเป็นต้องเซต W300D V6, D301, D302, D151 และ D152 ให้เป็น PPPoE สั่งเชื่อมต่อ Internet แทน แล้วแชร์ Internet ให้เครื่องลูกข่าย Clients ต่าง ๆ ต่อไป




     Note : ในกรณีที่ใช้ร่วมกับ Bridge Modem นั้น ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนโหมดของ Modem หรืออุปกรณ์ ตัวหลัก ให้เป็น Bridge Mode ให้เรียบร้อยด้วยครับ เพื่อความสะดวก ซึ่งถ้าไม่ทราบขั้นตอน ก็อาจจะรบกวน โทรสอบถามกับทาง Support ของอุปกรณ์นั้น ๆ อีกที     

     3.1. ในหน้า WAN Service Configuration ให้เลือก Type เป็น PPP over Ethernet ( 1 ) แล้วกดปุ่ม Next ( 2 )




     3.2. จากนั้นจะเข้ามาหน้า PPP Username and Password เพื่อให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่าน Username ของ Internet และ Password ของ Internet ที่ได้รับจากผู้ให้บริการ Internet ส่วน PPPoE Service Name นั้น ก็กรอกชื่อกำกับเป็นอะไรก็ได้ หรือไม่กรอกอะไรเลยก็ได้ครับ เสร็จแล้ว กดปุ่ม Next ( 4 )

     Note : กรณีที่ไม่ทราบ Username กับ Password สำหรับเชื่อมต่อ Internet แนะนำให้โทรสอบถามกับผู้ให้บริการ Internet ครับ




     3.3. ถัดมาในหน้า Routing – Default Gateway จะเป็นหน้าสำหรับกำหนดค่า Gateway ให้กับ WAN ก็ไม่ต้องเปลี่ยนค่าอะไรครับ ให้กดปุ่ม Next ( 5 ) ไปเลยครับ




     3.4. จากนั้นจะเข้ามาหน้า DNS Server Configuration เพื่อให้ผู้ใช้เลือกว่า จะให้ WAN รับ DNS Server จากผู้ให้บริการแบบ Auto หรือผู้ใช้จะเลือกกรอก DNS Server เอง ( สำหรับผู้ใช้ที่เข้าใจเรื่อง DNS Server อยู่แล้ว ) แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ทราบค่า ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ให้กดปุ่ม Next ( 6 ) เพื่อไปขั้นตอนต่อไป




     3.5. หน้าสุดท้าย WAN Setup – Summary จะเป็นหน้าสำหรับสรุปค่าต่าง ๆ ที่ได้เซตมา ให้ทราบว่า Service ไหนบ้างที่เปิดใช้งาน ( Enable ) หรือ ปิดการทำงาน ( Disable ) โดยในส่วนของ “ Connection Type “ จะต้องกำหนดเป็น “ PPoE “ นะครับ ถ้าเป็นโหมดอื่น จะต้อง Back กลับไปเริ่มต้นเลือกใหม่ โดยในหน้านี้ ให้กดปุ่ม Apply/Save ( 7 ) เพื่อบันทึกค่า และทำให้ค่าดังกล่าวเริ่มทำงานทันทีครับ




     3.6. กลับมาที่หน้า WAN Service Setup จะมีเงื่อนไขของ Description ชื่อ “ pppoe_eth3 “ ที่เป็น Type แบบ “ PPPoE “ เพิ่มขึ้นมาครับ ก็แปลว่าการสร้างเงื่อนไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว




     3.7. สำหรับการตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่อของ PPPoE Mode นั้น ให้คลิกที่ เมนูหลักด้านซ้ายบน Device Info แล้วคลิกที่เมนูย่อย WAN แล้วดูตรงบรรทัดของ เงื่อนไข “ pppoe_eth3 “ ในตารางครับ โดยถ้าเชื่อมต่อได้ จะมี Status ขึ้นว่า “ Connected “ และจะมีหมายเลข WAN IP Address ที่ได้รับจาก ISP แสดงในช่อง Ipv4 Address ครับ ดังรูปตัวอย่าง




     3.8. ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ในส่วนของการเซตตั้งค่า WAN Type เป็น PPPoE ครับ


4. กรณีที่ต้องการเซต WAN เป็น Dynamic IP กับ Static IP โหมด ( ต่อจากข้อ 2.10 )


     WAN เป็น Dynamic IP หรือ Static IP Mode นั้น โดยมากแล้ว จะเป็นโหมดที่ต้องการใช้งานร่วมกับ Router หรืออุปกรณ์ ที่เซตโหมดเป็น PPPoE+NAT ไว้แล้ว เพื่อให้ตัว W300D V6, D301, D302, D151 และ D152 เป็นตัวรับ Internet และแชร์ Internet ต่อ โดยการสร้างวง LAN ใหม่ขึ้นมา ครับ และในการเซตโหมด WAN แบบนี้ จำเป็นต้องเช็ค IP Address ของต้นทาง เพื่อไม่ให้ Subnet ของอุปกรณ์ชนกัน  สำหรับโหมดนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กับระบบกล้องวงจรปิด หรือ IP Camera หรือมีการ Forward Port เป็นต้น





     Note : ในการกำหนดค่า WAN Mode ว่าจะให้เป็น Dynamic IP หรือ Static IP นั้น การเซตเป็น Dynamic IP จะง่ายกว่า สำหรับผู้ใช้ทั่วไปครับ ส่วนโหมด Static IP นั้น จะมีรายละเอียด ซับซ้อนเยอะกว่า ดังนั้นอาจเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีพื้นฐาน และรู้หลักการครับ

     4.1. ในหน้า WAN Service Configuration ให้เลือก Type เป็น IP over Ethernet ( 1 ) แล้วกดปุ่ม Next ( 2 )




     4.2. จากนั้นจะเข้ามาหน้า WAN IP Settings เพื่อให้ผู้ใช้เลือก WAN Mode ว่าจะให้ WAN รับ IP Address Auto จากตัวหลัก โดยเลือก “ Obtain an IP address automatically “ หรือจะ Fix IP ของ WAN แบบกำหนดเอง โดยเลือก “ Use the following Static IP address “ หลังจากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสร็จแล้ว กดปุ่ม Next ( 4 )

     Note : กรณีที่ผู้ใช้เลือกที่จะ Fix IP WAN แบบ Static นั้น ต้องอย่าให้ IP Address ที่ Fix นั้น ไปชนกันกับ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Network ตันทางนะครับ เพราะสถานการณ์เชื่อมต่ออาจจะขึ้นว่า “ Connected “ แต่ Internet อาจจะไม่สามารถใช้งานได้ครับ  




    4.3. ในหน้าถัดมาจะเป็นหน้า Network Address Translation Settings ซึ่งระบบจะเลือกค่าที่เหมาะต่อการใช้งานให้อยู่แล้วครับ ผู้ใช้ไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนค่า ก็ให้กดปุ่ม Next ไปหน้าต่อไป

     Note : กรณีที่ผู้ใช้ต้องการปิด Firewall อาจจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ให้เอาเครื่องหมายถูกหน้า Enable Firewall ออกก่อนครับ 




     4.4. ถัดมาในหน้า Routing – Default Gateway จะเป็นหน้าสำหรับกำหนดค่า Gateway ให้กับ WAN ก็ไม่ต้องเปลี่ยนค่าอะไร ก็ให้กดปุ่ม Next ( 5 ) ไปเลยครับ

     Note : สังเกตุตรง “ Available Routed WAN Interface “ จะระบุเป็น “ eth3.1 “ ครับ สำหรับโหมด IPoE ซึ่งจะต่างกับ PPPoE โหมด 




     4.5. จากนั้นจะเข้ามาหน้า DNS Server Configuration เพื่อให้ผู้ใช้เลือกว่า จะให้ WAN รับ DNS Server จากผู้ให้บริการแบบ Auto หรือผู้ใช้จะเลือกกรอก DNS Server เอง ( สำหรับผู้ใช้ที่เข้าใจเรื่อง DNS Server อยู่แล้ว ) แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ทราบค่า ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ให้กดปุ่ม Next ( 6 ) เพื่อไปขั้นตอนต่อไป



     4.6. หน้าสุดท้าย WAN Setup – Summary จะเป็นหน้าสำหรับสรุปค่าต่าง ๆ ที่ได้เซตมา ให้ทราบว่า Service ไหนบ้างที่เปิดใช้งาน ( Enable ) หรือ ปิดการทำงาน ( Disable ) โดยในส่วนของ “ Connection Type “ จะต้องกำหนดเป็น “ IPoE “ นะครับ ถ้าเป็นโหมดอื่น จะต้อง Back กลับไปเริ่มต้นเลือกใหม่ โดยในหน้านี้ ให้กดปุ่ม Apply/Save ( 7 ) เพื่อบันทึกค่า และทำให้ค่าดังกล่าวเริ่มทำงานทันทีครับ





     4.7. กลับมาที่หน้า WAN Service Setup จะมีเงื่อนไขของ Description ชื่อ “ ipoe_eth3 “ ที่เป็น Type แบบ “ IPoE “ เพิ่มขึ้นมาครับ




     4.8. วิธีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ ก็เหมือนกับ PPPoE Mode โดยไปที่ Device Info  WAN เพื่อดู ดู Status และ Ipv4 Address ครับ



5. การเปลี่ยน LAN IP กรณี IP Address เป็น Subnet เดียวกับวงหลัก สำหรับ IPoE โหมด


     กรณีที่เซต WAN เป็น Dynamic IP หรือ Static IP Mode แล้วเจอปัญหาว่า LAN IP ไปชนกัน หรือเป็น Subnet เดียวกับ Router หรือ Gateway ของวงหลัก ตรงนี้ต้องเปลี่ยน LAN IP ของ W300D V6, D301, D302, D151 และ D152 เป็น Subnet อื่น โดยมีหลักในการเปลี่ยน Subnet ก็คือ ให้เปลี่ยน ตัวเลข ชุดที่ 3 ของ IP Address ไม่ให้ตรงกันกับ Router หรือ Gateway ตัวหลักครับ ดังรูปตัวอย่าง





     วิธีการเปลี่ยน LAN IP โดยคลิกเมนูหลักด้านซ้าย Advanced Setup > LAN แล้วเปลี่ยน IP ตรงช่อง IP Address แล้ว กดปุ่ม Apply/Save




**************** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เบอร์ 02-3123641 – 6 ( 6 คู่สายอัตโนมัติ ), 086-3697855 *****************